Last updated: 27 ก.ย. 2566 | 9034 จำนวนผู้เข้าชม |
มาดูกันว่า ในเนื้อวัว ที่เป็นที่หลายๆคนชื่อชอบมีสารอาหารอะไรกันบ้าง?
เริ่มกันด้วย “วัว” เป็นสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมจึงถูกจัดในอยู่ในผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในจำพวก “เนื้อแดง”
มีปริมาณ ธาตุเหล็กสูง(มากกว่าเนื้อไก่และเนื้อปลา) ซึ่งวัวเป็นสัตว์ที่ใช้กล้ามเนื้อเป็นหลักจะใช้ออกซิเจนในการขับเคลื่อนพลังงาน จึงใช้ไมโอโกลบินจากโปรตีนในกล้ามเนื้อ(ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก) เป็นตัวเก็บออกซิเจน จึงทำให้สีของเนื้อวัว มีสีแดงสด
ตัวเนื้อวัวนั้น ประกอบไปด้วย โปรตีนเป็นหลักและมีปริมาณไขมันแตกต่างกันไปตามสายพันธ์ คุณค่าทางโภชนาการของแต่ละสายพันธ์จะแตกต่างกันตามไขมันของสายพันธ์นั้นๆ
โปรตีนจากวัว
ส่วนใหญ่เนื้อวัว ประกอบไปด้วยโปรตีน และปริมาณโปรตีนของเนื้อวัวที่ไขมันน้อย และปรุงสุก มีตั้งแต่ 26-27% โปรตีนจากเนื้อวัว ประกอบด้วยกรดอะมิโน 8 ชนิดที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของร่างกาย ช่วยให้พลังงานสำรองแก่ร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และการบำรุงรักษาร่างกายของเรา
โครงสร้างของโปรตีน และกรดอะมิโน มีความสำคัญมาก โดยองค์ประกอบของโปรตีนจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับอาหารของวัว และการขุนต่างๆ เนื้อวัวจึงเป็นแหล่งโปรตีน และกรดอะมิโนที่มีความคล้ายกับกล้ามเนื้อของคนเรา จึงมีเนื้อแดงที่ดีเหมาะกับการรับประทาน
ไขมันจากวัว
เนื้อวัว มีปริมาณไขมันแตกต่างกันไปตามสายพันธ์ ทำให้เกิดการเพิ่มรสชาติที่อร่อยและหอมชวนหิวแล้ว ไขมันวัวยังมีความสัมพันธ์กับปริมาณแคลอรี่ของเนื้อวัวด้วย โดยปริมาณไขมันในเนื้อวัว จะขึ้นอยู่กับระดับของการตัดแต่ง และอายุ สายพันธุ์ เพศ และลักษณะการเลี้ยง ผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์แปรรูปต่างๆ
ซึ่งเนื้อวัวส่วนใหญ่ประกอบด้วย ไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ซึ่งมีอยู่ในปริมาณที่พอ ๆ กัน โดยมีกรดไขมันที่สำคัญคือ กรดสเตียริค กรดโอเลอิก และกรดปาล์มเมทริก
วิตามินและแร่ธาตุจากวัว
วิตามินบี 12: อาหารที่ได้จากสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ เป็นแหล่งอาหารเพียงชนิดเดียวที่ให้วิตามินบี 12 ซึ่งเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการสร้างเลือด และการทำงานของสมองและระบบประสาท
สังกะสี: เนื้อวัว อุดมไปด้วยสังกะสี แร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและซ่อมแซม ฟื้นฟูส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
ซีลีเนียม: เนื้อสัตว์ โดยทั่วไปเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยซีลีเนียม ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่มีหน้าที่หลากหลายในร่างกาย ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์สำคัญหลายชนิด ช่วยต้านอนุมูลอิสระโดยทำงานร่วมกับวิตามินอี
เหล็ก: พบปริมาณสูงในเนื้อวัว ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของฮีม (Heme) ซึ่งร่างกายดูดซึมได้โดยขึ้นอยู่กับบุคคล
ไนอาซิน: วิตามิน B ชนิดหนึ่งหรือเรียกว่าวิตามิน B3 ไนอาซินมีหน้าที่สำคัญต่าง ๆ ในร่างกาย จากการศึกษาทางการแพทย์พบความเชื่อมโยงว่า ถ้าในร่างกายมีปริมาณไนอาซินต่ำ จะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น
วิตามินบี 6: เป็นกลุ่มวิตามินบีที่สำคัญสำหรับการสร้างเม็ดเลือด
ฟอสฟอรัส: พบได้ทั่วไปในอาหาร เป็นสารอาหารสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของร่างกายและการบำรุงรักษา
ประโยชน์ต่อสุขภาพของเนื้อวัว
1. ช่วยบำรุงกล้ามเนื้อ
เนื้อวัวเป็นแหล่งที่ดีของโปรตีนที่มีคุณภาพสูง มีกรดอะมิโนที่จำเป็นทั้งหมดและเรียกว่าเป็นแหล่งโปรตีนที่ “สมบูรณ์” คนจำนวนมากหลากหลายกลุ่ม ทานโปรตีนที่มีคุณภาพสูงไม่เพียงพอ การบริโภคโปรตีนในปริมาณที่ไม่เพียงพอ อาจเร่งและทำให้มวลกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และสมรรถภาพทางกายลดลง เพิ่มความเสี่ยงต่ออาการภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย (Sarcopenia)
ภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย (Sarcopenia) เป็นปัญหาสุขภาพที่รุนแรงในหมู่ผู้สูงอายุ แต่สามารถป้องกันหรือชะลอได้ ด้วยการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงและเพิ่มปริมาณโปรตีนเนื้อแดงของวัวจึงเป็น อาหาร ที่เหมาะกับการเพิ่มโปรตีนให้ร่างกาย การบริโภคเนื้อวัว เลยสามารถ ช่วยรักษามวลกล้ามเนื้อ และลดความเสี่ยงต่อภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อยได้
2. ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย
ในเนื้อวัวนั้น จะมี คาร์โนซีน หรือไดเปบไทด์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ พบได้ในกล้ามเนื้อ หัวใจ สมอง และเนื้อเยื่อที่มีเส้นประสาทอื่น ๆ มีส่วนสำคัญสำหรับการทำงานของกล้ามเนื้อ คาร์โนซีนถูกสร้างขึ้นในร่างกายจากเบต้า อะลานีน กรดอะมิโนในอาหารที่พบในปริมาณสูงเนื้อวัว
จากการศึกษาพบว่ามีความสัมพันธ์กันระหว่างระดับความเข้มข้นของคาร์โนซีนกับกล้ามเนื้อในร่างกายของมนุษย์ หากมีคาร์โนซีนในระดับความเข้มข้นสูง จะช่วยลดความเมื่อยล้าของร่างกาย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในระหว่างการออกกำลังกายได้ การทานอาหารเสริมที่มีเบต้า อะลานีน ที่ผ่านการทำให้บริสุทธิ์เป็นเวลา 4-10 สัปดาห์ จะช่วยทำให้ระดับ คาร์โนซีนที่อยู่ในกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น 40-80%ในทางตรงกันข้าม การรับประทานอาหารมังสวิรัติอย่างเข้มงวดอาจทำให้ระดับคาร์โนซีนในกล้ามเนื้อลดลงนี่แสดงให้เห็นว่าการบริโภคเนื้อสัตว์และปลาอย่างสม่ำเสมอ หรือการทานอาหารเสริมที่มีเบต้า อะลานีน อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการออกกำลังกายได้
3. ช่วยป้องกันโรค โลหิตจางได้
ธาตุเหล็ก เป็นส่วนประกอบสำคัญ ในการทำให้ไม่เป็นโลหิตจาง ทำให้เนื้อวัวนั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญในการช่วยให้ไม่เกิดโรคนี้ได้
การขาดธาตุเหล็กเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดของภาวะโลหิตจาง ซึ่งอาการที่สำคัญคือเหนื่อยล้าและอ่อนเพลีย เนื้อวัว เป็นแหล่งอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของธาตุเหล็กในรูปฮีม (heme-iron) ที่พบเฉพาะในอาหารที่ได้จากสัตว์ แต่ในอาหารมังสวิรัติมักพบว่ามีปริมาณเหล็กฮีมต่ำธาตุเหล็กในรูปฮีมถูกดูดซึมได้ดีกว่าธาตุเหล็กที่ไม่ได้อยู่ในรูปฮีม ชนิดที่พบได้ในอาหารจากพืชผัก นอกจากนั้น เนื้อสัตว์ยังช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กที่อยู่ในส่วนประกอบอาหารอื่น ๆ ได้ จากการศึกษาพบว่า การทานเนื้อสัตว์สามารถเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กที่ไม่ใช่รูปแบบฮีมได้ แม้ในมื้ออาหารที่มีกรด phytic ซึ่งเป็นตัวยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก
ดังนั้น เนื้อวัวมีประโยชน์มาก กับการบริโภค แต่ก็ต้องบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมเช่นกัน ถ้าบริโภคมากเกินไป ก็สามารถก่อให้เกิดโทษหรือ โรคต่างๆ ได้เช่นกัน